บริษัท สำโรงผ้้าเบรค จำักัด : ผ้าเบรครถยนต์ เครื่องจักรอุตสาหกรรม ศูนย์บริการ โทร 0-2393-9025-6

ผ้าเบรค ROBUST ผู้ผลิต จำหน่าย และสั่งทำ ผ้าเบรคเครื่องจักรอุตสาหกรรม ผ้าเบรคเครื่องเพรส ผ้าเบรคมอเตอร์ ผ้าเบรคครัชน้ำมันและผ้าเบรค เครนทุกชนิด มืออาชีพด้านผ้าเบรคเครื่องจักรอุตสาหกรรม รับประกันคุณภาพทุกรุ่นทุกชนิด ทุกรูปแบบการใช้งาน บริการรวดเร็ว งานด่วนรับซ่อม และจัดส่งได้ภายในวันเดียว
Home : samrongbrakepad.com


สำโรงผ้าเบรค

ผ้าเบรครถยนต์

ผ้าเบรค
เป็นอุปกรณ์สร้างแรงเสียดทานกดเข้ากับดิสก์หรือดรัมเบรก โดยมีพื้นฐานคือ เนื้อวัสดุของตัวดิสก์หรือดรัมเบรคต้องแข็งเพื่อไม่ให้สึกหรอมาก แต่ต้องมีผิวที่ไม่ลื่น ส่วนผ้าเบรคต้องมีเนื้อนิ่มกว่าตัวดิสก์หรือดรัม เพื่อให้มีแรงเสียดทานสูงหรือสึกหรอมากกว่า เพราะเปลี่ยนได้ง่าย โดยมีการผลิตขึ้นจากวัสดุผสมหลายอย่าง และอาจผสมกับโลหะเนื้อนิ่ม เพื่อให้เบรคในช่วงความเร็วสูงได้ดี ในอดีตใช้แร่ใยหิน แอสเบสตอสเป็นวัสดุหลัก ของผ้าเบรค เมื่อผ้าเบรคสึกจะเป็นผงสีขาวไม่เกาะกระทะล้อแต่สร้างมลพิษในอากาศ ทำลายระบบหายใจของสิ่งมีชีวิต ปัจจุบันจึงหันมาใช้แกรไฟต์คาร์บอนแทน เมื่อผ้าเบรคสึกจะมีผงสีดำออกมาเกาะเป็นคราบ ดูสกปรก แต่ไม่อันตราย

ผ้าเบรคมีหลายระดับ ประสิทธิภาพและความแข็ง ด้วยหลักการง่าย ๆ คือ ยิ่งนิ่มยิ่งสร้างแรงเสียดทานได้ง่าย แต่ไม่ทนความร้อนอาจลื่น หรือไหม้ในการเบรคบ่อย ๆ หรือเบรคในช่วงความเร็วสูง และยิ่งแข็งยิ่งทนร้อน เบรคดีในช่วงความเร็วสูง แต่ต้องการการอุ่นให้ร้อนก่อน หรือเบรกช่วงความเร็วต่ำไม่ค่อยอยู่ จึงต้องเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะการขับและสมรรถนะของรถยนต์ผ้าเบรคเป็นอุปกรณ์หนึ่ง ถ้าเดิมใช้งานแล้วไม่พึงพอใจก็สามารถเลือกให้แตกต่างจาก ผ้าเบรคมาตรฐานเดิมได้ เพราะผู้ผลิตรถยนต์ไม่จำเป็นต้องผลิตทุกชิ้นส่วนขึ้นเอง สามารถหาผู้ผลิตชิ้นส่วนเฉพาะรายย่อย (SUPPLYER) ผลิตชิ้นส่วนส่งให้ในราคาถูกได้ เพราะมีปริมาณการผลิตสูง เมื่อมีการผลิตส่งให้ผู้ผลิตรถยนต์ ก็อาจจะผลิตอะไหล่ ที่มีคุณภาพใกล้เคียงกัน หรือเหนือกว่า ตีตราบรรจุกล่องเป็นสินค้าอิสระของตนเอง เพื่อจำหน่ายกับผู้ใช้ทั่วไปด้วย

เกรดประสิทธิภาพผ้าเบรค
มีหลายระดับ แบ่งตามการทนความร้อน เพราะการสร้างแรงเสียดทานในการเบรค ต้องมีความร้อนเกิดขึ้นเมื่อผ้าเบรคร้อนเกินขีดจำกัดประสิทธิภาพจะลดลง ลื่นหรือไหม้ การเลือกต้องขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและสมรรถนะของรถยนต์

เกรดมาตรฐาน S-STANDARD
ใช้กับรถยนต์ทั่วไป ยกเว้นรถยนต์สมรรถนะสูงหรือรถสปอร์ต ส่วนผสมของเนื้อผ้าเบรค สร้างความฝืดได้ง่าย สามารถลดความเร็วได้ทันที ไม่ต้องการการอุ่นผ้าเบรคให้ร้อนก่อน ทำงานได้ดีเฉพาะช่วงความเร็วต่ำ-ปานกลาง และมีความร้อนสะสมไม่สูงนัก เมื่อมีการเบรคอย่างต่อเนื่อง อาจลื่นหรือไหม้ได้ง่าย เมื่อต้องเบรคบ่อย ๆ หรือเบรค ในช่วงความเร็วสูงอย่างรวดเร็ว สาเหตุที่รถยนต์ทั่วไปถูกกำหนดให้ใช้ผ้าเบรคเกรด S เนื่องมาจากโรงงานผู้ผลิต เพราะส่วนใหญ่ยังต้องมีการใช้งานในเมือง หรือมีการใช้ ความเร็วไม่จัดจ้านนัก แม้จะขับเร็วบ้างหรือกระแทกเบรคแรง ๆ บ้าง แต่ก็ไม่บ่อย จึงถือว่าเพียงพอในระดับหนึ่ง

เกรดกลาง M-MEDIAM-METAL
รองรับการเบรคในช่วงความเร็วปานกลาง-สูงได้ดี เพิ่มความทนทานต่อความร้อนโดยตรง และความร้อนสะสมในการเบรกสูงขึ้นกว่าผ้าเบรคเกรด S แต่ยังคงประสิทธิภาพการใช้งาน ช่วงความเร็วต่ำ-ปานกลางได้ดีเพราะเนื้อผ้าเบรคยังไม่แข็งเกินไป ส่วนมากจะมีส่วนผสม ของโลหะอ่อน หรือวัสดุที่สามารถสร้างแรงเสียดทานเมื่อมีความร้อนสูงได้ดี เนื้อของผ้าเบรค อาจเป็นสีเงาจากผงโลหะที่ผสมอยู่ รถยนต์ทั่วไป ถ้าผู้ขับเท้าขวาหนัก แม้ไม่ได้ตกแต่ง เครื่องยนต์ หรือเครื่องยนต์มีพลังแรงสักหน่อย ก็สามารถเลือกใช้ผ้าเบรคเกรด M แทนเกรด S เดิมได้ เพราะยังสามารถรองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบและทุกช่วงความเร็ว โดยอาจมีจุดด้อย ด้านประสิทธิภาพการเบรคในช่วงที่ผ้าเบรคยังเย็นอยู่ใน 2-3 ครั้งแรก และมีราคาแพงกว่า ผ้าเบรกเกรด S เพียง 20-30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

เกรดกึ่งแข่ง R-RACING
เป็นผ้าเบรคเกรดพิเศษ ซึ่งถูกผลิตเพื่อรองรับรถยนต์สมรรถนะสูงจัดจ้าน- รถแข่ง เหมาะกับการใช้ความเร็วสูง หรือมีความร้อนสะสมที่ผ้าเบรคจากการเบรคถี่ ๆ เนื้อของผ้าเบรคเกรดนี้มักมีการผสมผงโลหะไว้มากบางรุ่นเกือบจะเป็นโลหะอ่อน เช่น เป็นทองแดงผสมเกือบทั้งชิ้น การใช้งานในเมืองด้วยความเร็วต่ำ จำเป็นต้องมี การอุ่นผ้าเบรคเกรด R ให้ร้อนก่อน และเบรคหยุดได้ระยะทางยาวกว่าผ้าเบรคเนื้อนิ่มเกรด S-M ส่วนในช่วงความเร็วสูง ร้อนแค่ไหนก็ลื่นหรือไหม้ยาก ผ้าเบรคเกรดนี้ ไม่ค่อยเหมาะ กับรถยนต์ที่ใช้งานทั่วไป ยกเว้นพวกรถสปอร์ต หรือรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูงจัดจ้านจริง ๆ เพราะไม่เหมาะกับการใช้งานด้วยความเร็วต่ำ ซึ่งลื่นกว่าผ้าเบรคเกรดS อีกทั้งยังมีราคาแพงกว่าผ้าเบรคเกรด S-M ไม่น้อยกว่า 3-5 เท่าด้วยในการจำหน่ายจริงมักไม่มีการแบ่งผ้าเบรคเกรด S-M-R อย่างชัดเจนไว้บนข้างกล่อง ในการเลือกใช้จึงต้องเลือกด้วยการสอบถามระดับของผ้าเบรคในยี่ห้อที่สนใจ ซึ่งมักระบุเพียงว่าเบรกรุ่นนั้นทนความร้อนสูงกว่าอีกรุ่นหนึ่งในยี่ห้อเดียวกันหรือไม่ หรือดูช่วงตัวเลขของค่าความร้อนที่ผ้าเบรกชุดนั้นสามารถทำงานได้ดี เช่น ผ้าเบรก เกรด S-M ทำงานได้ดีตั้งแต่ 0-20 องศาเซลเซียสขึ้นไป ในขณะที่ผ้าเบรคเกรด R มักมีค่าความร้อน เริ่มต้นที่ 50-100 องศาเซลเซียสขึ้นไป อันหมายถึงการใช้งานในช่วงความร้อนต่ำไม่ดีนั่นเอง ควรเลือกเกรดผ้าเบรคให้ตรงลักษณะการใช้งานอย่างรอบคอบ และโดยทั่วไปเกรด M น่าสนใจที่สุดเพราะคงประสิทธิภาพการเบรคช่วงความเร็วต่ำไว้ใกล้เคียงกับเกรด S แต่รองรับความเร็วสูงดีกว่า และราคาไม่แพง ราคาจริงของผ้าดิสก์เบรค 2 ล้อ (4 ชิ้น) เกรด S-M สำหรับรถยนต์เกือบทุกรุ่น ตั้งแต่ซิตี้คาร์ยันสุดหรูไม่แตกต่างกันมากนัก 800-2,000 บาท คือราคาพื้นฐาน ส่วนดรัมเบรค 2 ล้อ ไม่น่าเกิน1,000 บาท (ไม่รวมค่าแรงในการเปลี่ยน)

แม่ปั๊มเบรก
ทำหน้าที่สร้างแรงดันน้ำมันเบรคเมื่อมีการสั่งจากผู้ขับ ส่วนใหญ่ติดตั้งรวมกับหม้อลมเบรค ภายในประกอบด้วยลูกยางหลายลูก และสปริงโดยจะคืนตัวเองเมื่อไม่มีการกดแป้นเบรค

อาการการเสีย คือ ไม่สามารถสร้างแรงดันได้จากลูกยางที่หมดสภาพ ไม่สามารถดัน รีดน้ำมันได้ หรือรั่วย้อนออกมา หรือเสียทั้งตัวลูกยางพร้อมตัวกระบอกเป็นรอย การซ่อมจึงมีทั้งแบบเปลี่ยนเฉพาะลูกยางพร้อมชุดซ่อม หรือเปลี่ยนทั้งตัว

หม้อลมเบรค


เป็นเพียงอุปกรณ์ที่ช่วยผ่อนแรงกดแป้นเบรคให้เบาเท้าขึ้น กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ของรถยนต์ยุคใหม่ไปแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับระบบน้ำมันเบรค โดยใช้แรงดูดสุญญากาศ จากท่อร่วมไอดีของเครื่องยนต์มาช่วยดันแผ่นยางไดอะเฟรมและแกนแม่ปั๊มตัวบน เมื่อมีการกดแป้นเบรค โดยที่ประสิทธิภาพที่แท้จริงของระบบเบรคยังขึ้นอยู่กับ อุปกรณ์อื่นไม่ใช่เฉพาะที่ตัวหม้อลม ขนาดของหม้อลมต้องพอเหมาะ ขนาดเล็กไป ก็หนักเท้าเหมือนเบรคไม่ค่อยอยู่ ขนาดใหญ่ไปก็เบาเท้า แต่แรงกดที่มากเกินไป ในขณะที่อุปกรณ์อื่นยังเหมือนเดิม ก็อาจทำให้ล้อล็อกได้ง่ายเมื่อเบรคบนถนนลื่น หรือกะทันหัน

อาการเสีย ที่พบบ่อยคือ ผ้ายางไดอะเฟรมภายในรั่ว เมื่อกดแป้นเบรคจะแข็งขึ้น และเครื่องยนต์จะสั่นเหมือนอาการท่อไอดีรั่ว ทดสอบโดยกดแป้นเบรคในขณะจอด และติดเครื่องยนต์เดินเบาไว้ หม้อลมเบรกรั่วแต่แม่ปั๊มตัวบนดี ยังสามารถใช้ระบบเบรก ตามปกติได้ แต่จะหนักเท้าในการกดแป้นเบรกเท่านั้น การซ่อมหม้อลมบางรุ่นมีอะไหล่ ให้เปลี่ยนเฉพาะผ้ายางไดอะเฟรมพร้อมชุดซ่อมแต่ส่วนใหญ่มักต้องเปลี่ยนทั้งลูก ซึ่งมี 2 ทางเลือก ทั้งของใหม่และเก่าเชียงกง

ท่อน้ำมันเบรค


ประกอบด้วยท่อโลหะ (เหล็ก-ทองแดง) ขนาดเล็กในเกือบทุกจุดต่อ แล้วมีท่ออ่อน ที่ให้ตัวได้ต่อจากท่อโลหะบนตัวถังไปยังล้อที่ขยับตลอดเวลาที่ขับ

อาการเสีย คือ ท่ออ่อนบวมหรือรั่ว ส่วนท่อโลหะนั้นแทบไม่พบว่าเสียเลย ท่ออ่อนทั่วไป ผลิตจากยางทนแรงดันสูงทนทานเพียงพอสำหรับการใช้งานปกติ แต่ก็มีแบบพิเศษ ที่นิยมใช้ในรถแข่งมาจำหน่ายเป็นแบบท่อหุ้มสเตนเลสถักซึ่งทนทั้งการฉีกขาด จากภายนอกหรือแตกด้วยแรงดันจากภายใน ซึ่งไม่จำเป็นนัก แต่ถ้าอยากจะใส่ ก็ไม่มีอะไรเสียหาย และอาจลดอาการหยุ่นเท้าให้การตอบสนองรวดเร็วขึ้นเล็กน้อย ถ้าท่ออ่อนเดิมขยายตัวได้บ้างเมื่อกดเบรค

กระบอกเบรกที่ล้อ


ทำหน้าที่รับแรงดันน้ำมันเบรคที่ถูกดันมาเพื่อดันลูกสูบเบรคภายในกระบอกแล้วไปกด ผ้าเบรก มีอย่างน้อย 1กระบอก 1 ลูกสูบ (POT) ต่อ 1 ล้อ ภายในประกอบด้วยลูกสูบ พร้อมลูกยาง หรืออาจมีสปริงด้วย การมีขนาดของกระบอกเบรคใหญ่หรือจำนวน กระบอกเบรค ต่อ 1 ล้อมาก ๆ (2-4 POT) จะทำให้มีแรงกดไปสู่ผ้าเบรคมากขึ้น แต่ก็ต้องใช้แม่ปั๊มตัวบนที่รองรับกันได้ดีด้วย

อาการเสีย คือ ไม่สามารถรับแรงดันจากลูกยางหมดสภาพได้ จนไม่สามารถดันลูกสูบเบรค ออกไปได้เต็มที่ หรือน้ำมันเบรครั่วซึมออกมา และเสียทั้งตัวลูกยางพร้อมตัวกระบอกเป็นรอย การซ่อมจึงมีทั้งแบบเปลี่ยนเฉพาะลูกยางและชุดซ่อมหรือเปลี่ยนทั้งตัว
ที่มา http://www.isuzu4u.com