บริษัท สำโรงผ้้าเบรค จำักัด : ผ้าเบรครถยนต์ เครื่องจักรอุตสาหกรรม ศูนย์บริการ โทร 0-2393-9025-6

ผ้าเบรค ROBUST ผู้ผลิต จำหน่าย และสั่งทำ ผ้าเบรคเครื่องจักรอุตสาหกรรม ผ้าเบรคเครื่องเพรส ผ้าเบรคมอเตอร์ ผ้าเบรคครัชน้ำมันและผ้าเบรค เครนทุกชนิด มืออาชีพด้านผ้าเบรคเครื่องจักรอุตสาหกรรม รับประกันคุณภาพทุกรุ่นทุกชนิด ทุกรูปแบบการใช้งาน บริการรวดเร็ว งานด่วนรับซ่อม และจัดส่งได้ภายในวันเดียว
Home : samrongbrakepad.com


สำโรงผ้าเบรค

อาการของเบรคแบบต่างๆ

เบรค นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของรถยนต์ของเราก็ว่าได้ ถ้าเบรคดีก็จะทำให้ผู้ขับขี่อุ่นใจได้ ดังนั้นเราจึงควรทราบ อาการของเบรคแบบต่างๆ เพื่อที่จะสามารถตรวจเช็คเบื้องต้นด้วยตัวเองได้

อาการเบรคแบบต่างๆ มีดังนี้ครับ

เบรคตื้อ

เป็นอาการที่เวลาเหยียบเบรค แล้วรู้สึกว่า เบรคมันไม่ค่อยอยู่ เบรกแข็งๆ ต้องออกแรงเหยียบเบรคมากๆ อาการเบรคตื้อ เกิดมาจากหลายสาเหตุ เช่น แรงดูดสุญญากาศของหม้อลมน้อย เพราะปั้มตูดไดชาร์จเสีย หรือผ้าในหม้อลมรั่ว วาล์ว PVC หรือ Combo Vale เสีย สายลมรั่ว

เบรคต่ำ

เวลาเหยียบเบรคแล้วรู้สึกว่า แป้นเบรคจมลงต่ำกว่าปรกติ เหยียบค้างไว้เบรคค่อยๆจมลงๆ เป็นอาการของเบรคต่ำ ส่วนมากเกิดมาจาก ลูกยางแม่ปั้มเบรคบน มีอาการสึกหรอ หรือบวม ทำให้แรงดันเบรคลดลง ต้องออกแรงเบรคมากขึ้น หรือต้องเหยียบเบรคซ้ำๆกัน หลายๆครั้ง

เบรคติด

อาการเหมือนรถมีอาการเบรคทำงานอยู่ตลอดเวลา รถจะตื้อ เบรกร้อนมีกลิ่นเหม็นไหม้ เบรกปัดซ้าย-ขวา รถวิ่งไม่ออก จอดแล้วเข็นรถไม่ได้ เป็นอาการของเบรกติด ส่วนมากเกิดจาก การลูกยางกันฝุ่นของแม่ปั้มเบรกเสีย ทำให้มีน้ำซึมเข้าไปในกระบอกเบรก จนเกิดสนิมติดขัด ลูกสูบเบรกไม่สามารถเคลื่อนตัวเข้าออกได้
การแก้ไข เปลี่ยนชุดซ่อมแม่ปั้มเบรกล่าง ถอดมาขัดสนิมออก ทั้งแม่ปั้ม และกระบอกเบรก หรือถ้ามีสนิมมากจนเกิดตามด จะทำให้น้ำมันเบรกรั่วซึมได้ ต้องเปลี่ยนลูกสูบเบรก หรือแม่ปั้มทั้งชุด

เบรกแตก

คืออาการ เหยียบเบรกแล้ว แป้นเบรกที่ขาเบรกจม จนแป้นเบรกกระทบกับพื้นรถ หรือนิ่มหยุ่นๆก่อนแล้วจมลงติดพื้น เมื่อเหยียบเบรกแล้วรถยังคงวิ่งที่ความเร็วเท่าเดิม เหมือนไม่มีเบรก
สาเหตุ

1. เกิดจากรั่วของน้ำมันเบรค เช่นสายอ่อนเบรคแตก ท่อแป๊ปเบรคแตก หรือน้ำมันเบรครั่วซึมมาเป็นเวลานาน ลูกยางแม่ปั้มเบรค และแม่ปั้มเบรคเก่า เสียหายจนน้ำมันเบรครั่วไหลออกจนหมด

2. ผ้าเบรคหมด จนหลุดออก เป็นไปได้บ่อยครั้งที่ เวลาที่ผ้าเบรคหมดนานๆ และยังปล่อยไว้ไม่ได้รับการเปลี่ยน ผ้าเบรคจะบางมากจนหลุดออกจากฝักก้ามปูเบรค จะทำให้ลูกสูบเบรคหลุด เบรคจะแตกทันที

3. ส่วนประกอบในระบบเกิดการหลุดหลวม เกิดได้หลายสาเหตุ เช่นสากแป้นเบรค (ที่ตั้งได้ไขไม่แน่นหลุดเกลียว หรือไม่ได้ใส่สลักล็อค) น็อตยึดขาเบรคหลุด ฝักเบรค หรือคาริบเปอร์เบรคยึดไม่แน่น และส่วนประกอบต่างๆในระบบเบรคประกอบไม่แน่นหลุดออก

4. สายอ่อนเบรคแตก สายอ่อนที่เก่ามากๆ จะเกิดอาการบวม เวลาปกติก็ดูดี แต่พอเหยียบเบรคกลับ พองตัวเหมือนลูกโป่ง พวกนี้อันตรายมาก เวลาเหยียบเบรคเบาๆแรงดันน้ำมันเบรคต่ำก็รู้สึกดี แต่พอเวลาคับขัน เหยียบเบรคกะทันหันอย่างแรง สายอ่อนเบรคก็เกิดการรับแรงดันไม่ไหวแตกออก และการติดตั้งสายอ่อนเบรคไม่ดี เสียดสีกับล้อ และยาง หรือเสียดสีกับระบบช่วงล่างของรถ

เบรคหมด

คืออาการ เบรคแล้วเกิดเสียงดัง เหมือนเหล็กสีกับเหล็ก เบรคลื่นๆ เป็นอาการของเวลาที่ผ้าเบรคหมด ผ้าเบรคบางรุ่นจะมีส่วนที่เป็นตุ่มโลหะมาแตะกับจานเบรคเพื่อให้เกิดเสียงดัง เป็นอาการส่งสัญญาณเตือน หรือติดตั้ง สวิทซ์ไฟโชว์ไว้ที่แผงหน้าปัด ต้องรีบเปลี่ยนโดยทันที เพราะจะทำให้ผ้าเบรคสีกับจนเบรคเสียหาย จนต้อเปลี่ยนจานเบรคใหม่ เสียเงินเพิ่มอีก

เบรคสั่น

คืออาการที่เหยียบแล้ว แป้นเบรคเกิดอากาสั่นขึ้นๆลงๆ รู้สึกได้ด้วยเท้า รถที่เบรคสั่นมากๆจะรู้สึกสั่นถึงพวงมาลัย หรือเวลาเหยียบเบรค เกิดอาการสั่นสะท้านไปทั้งคัน

สาเหตุเกิดจาก จานเบรคเกิดการคดบิดตัว เพราะการใช้งานที่รุนแรงกินไป การลุยน้ำ (จานเบรคที่ร้อนจัด เวลาเจอน้ำมักจะบิดตัวได้ง่าย) ลูกปืนล้อหลวม น็อตล้อหลวม ผ้าเบรคสึกหรอไม่เท่ากัน อาการนี้เกิดได้ทั้งระบบดิสเบรค และดรัมเบรค

เบรคเสียงดัง

อาการ มีเสียงดังที่เกิดขึ้นในขณะเบรค ส่วนมากเกิดมาจาก ผ้าเบรค และจานเบรค เช่นผ้าเบรคหมด จนเหล็กผ้าสีกับจาน จานเบรคเป็นรอยมากๆเนื่องจากฝุ่น และหินที่หลุดเข้าไปเสียดสี ต้องเจียรจานเบรคใหม่ แต่ถ้าผ้าเบรคก็ใหม่ จานเบรคก็เรียบดี เสียงที่ดังมักเกิดจาก เสียงของผ้าเบรคเอง ผ้าเบรคที่ผลิตไม่ได้มาตราฐาน อัดขึ้นรูปผิดพลาด จะเกิดรอยร้าว เป็นช่องว่างให้อากาศเข้าได้จะเกิดเสียงดัง แล้วอย่าหวังเลยครับว่าใช้ไปเรื่อยๆ แล้วเสียงจะหายเอง ถือว่าน้อยมาก การเปลี่ยนผ้าเบรคใหม่ถือว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุดครับ

เบรคเฟด

คืออาการเบรคลื่นๆ เบรคไม่อยู่ในขณะที่ใช้ความเร็วสูง หรือติดต่อกันหลายๆครั้ง หรือใช้เบรคแบบหักโหม อาการนี้เกิดขึ้นเช่น เวลาที่ขับรถมาด้วยความเร็วสูงมากๆ พอแตะเบรคครั้งแรกก็เบรกอยู่ดี พอแตะเบรคอีกหลายๆทีกลับเกินอาการลื่นเหมือนยังไม่เหยียบเบรคเลย ถือว่าน่ากลัวมาก

สาเหตุเกิดจาก ความร้อนของจานเบรคที่สูงเกินไป จานเบรคที่ใช้งานหนักอาจจะเกิดความร้อนสูงกว่า 1,000 องศา จานเบรกอาจเกิดการไหม้แดง เหมือนเหล็กถูกเผาไฟ และเกิดการขยายตัวมาก การระบายความร้อนของจานเบรคไม่ดี ผ้าเบรกที่มีคุณสมบัติในการทนความร้อนต่ำ จะเกิดการลุกไหม้เสียหาย ไม่สามารถจับจานเบรคให้อยู่ได้ รวมถึงน้ำมันเบรคที่คุณสมบัติในการทนความร้อนต่ำ จะทำให้น้ำมันเบรคเดือด เกิดการขยายตัวเป็นฟองอากาศ ทำให้แรงดันไฮโดลิคลดต่ำลง
อาการเบรคเฟดนี้ ถือเป็นปัญหาของนักซิ่ง ที่ชอบใช้เบรคแบบรุนแรง เบรกบ่อยๆติดต่อกัน และ รถที่ขับด้วย ความเร็วสูง

การดูแลรักษาระบบเบรค และข้อควรระวัง

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรค

แม้ว่าจะไม่มีการรั่วหรือลดระดับลงอย่างใดก็ตาม น้ำมันเบรคควรได้รับการเปลี่ยนถ่ายปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพราะน้ำมันเบรคมีส่วนประกอบมาจากน้ำมันแร่ จึงมีการรวมตัวกับไอน้ำได้ง่าย ทำให้ระบบเบรคเกิดสนิม ความร้อนที่สูงเกินไปทำให้เกิดฟองอากาศในท่อน้ำมัน ฝุ่นผงที่สึกหรอของลูกยางเบรคจะเสียดสี กับแม่ปั้มเบรก ทำให้กระบอกเบรคเสียหายเร็วขึ้น น้ำมันเบรคต้องเลือกใช้ให้ตรงกับมารตราฐานที่ผู้ผลิตกำหนด เช่น DOT3 จะไม่สามารถนำน้ำมันเบรค DOT อื่นผสม หรือนำน้ำมันอื่นๆเติมแทน เพราะจะทำให้ลูกยางเบรคบวมได้

การเช็คระยะห่างผ้าเบรค

ในระบบดรั้มเบรค ระยะห่างระหว่างผ้า และจานเบรคที่มากขึ้น จะสังเกตได้จากการเหยียบเบรคจะต่ำลง และการดึงเบรคมือที่สูงขึ้น ระดับน้ำมันเบรคลดต่ำลง ควรต้องทำการถอดจานเบรคมาทำความสะอาด เป่าฝุ่นทิ้ง และตั้งระยะผ้าเบรคให้ชิดขึ้น การตั้งจะใช้ไขควงเขี่ยเฟืองตั้งให้หมุนตามฟันตั้ง ด้านหลังจานเบรค ใส่ล้อไขให้แน่นแล้วหมุนสังเกตถ้าล้อเริ่มหมุนฝืดขึ้น ถือว่าใช้ได้ ทำทั้ง 2 ล้อ หรือสังเกตจากเสียงแกรกๆ เวลาดึงเบรคมือควรจะอยู่ที่ 5 – 7 แกรก

การตรวจสอบผ้าเบรค

ผ้าเบรคเป็นส่วนที่สึกหรอเร็วกว่าส่วนอื่น เพราะมีการเสียสีทั้งจานเบรค และฝุ่นต่างๆ ควรถอดเช็คเป็นประจำ สังเกตเปรียบเทียบกับผ้าเบรคของใหม่แกะกล่อง จะมีความหนาเป็น 100 % ผ้าเบรคที่ใช้แล้วความหนาจะลดลงเรื่อยๆ ในจุดที่ต่ำกว่า 40 – 30 % นั้นถือว่าไม่ปลอดภัย เพราะผ้าเบรคในช่วงที่เหลือน้อย การสึกหรอจะรวดเร็วกว่าหลายเท่าตัว จนถึงระดับบางมาก เนื้อผ้าเบรคอาจหลุดร่อนได้อย่างกะทันหัน เป็นผลให้แผ่นเหล็กสีกับจานเบรคจนเสียหาย เสียเงินเพิ่ม หรือถ้าผ้าเบรคหลุดออกจากฝักเบรค ลูกสูบปั้มเบรค และน้ำมันเบรคจะหลุดออก ที่เรียกกันว่าเบรคแตกนั้นเอง

การเปลี่ยนจานเบรค

และการเจียรจานเบรค การใช้ผ้าเบรคที่มีโลหะผสมอยู่มาก ฝุ่น หิน และการปล่อยให้ผ้าเบรคหมด จะทำให้จานเบรคเป็นรอย การขับรถลุยน้ำขณะที่จานเบรคร้อน จะทำให้จานเบรคคด หรือบิดตัว ต้องทำการเจียรจาน ด้วยเครื่องมือเจียรจานเบรก ทำได้ 2 วิธี การถอดจานเบรคมาเจียรด้วยเครื่องเจียรจาน แบบนี้ต้องใช้ค่าแรงสูงและอาจต้องมีการเปลี่ยนจารบีลูกปืนล้อใหม่ เสี่ยงต่อเศษฝุ่นผงเหล็กปะปนกับการประกอบจานเบรคคืน และการใช้เครื่องเจียรจานแบบประชิดล้อ แบบนี้ไม่ต้องเสียเวลาถอดจานเบรค และลูกปืนล้อ แต่ความเที่ยงตรงไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับสภาพดุมล้อ และลูกปืนล้อ ว่าหลวมหรือคดหรือไม่ การเจียรจะทำให้จานเบรคบางลง จานเบรคที่บางจะทำให้เกิดการแตกร้าว และคดได้ง่าย ควรเปลี่ยนจานเบรคใหม่ถือเป็นการดีที่สุด

การทำความสะอาดจานเบรค

ถ้ามีจารบี หรือสิ่งแปดเปื้อน ติดอยู่ที่จานเบรค ควรใช้น้ำยาล้างจานเบรกโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้น้ำมันอื่นๆมาทำความสะอาด หรือถ้าไมมีจริงๆ ควรใช้ทินเนอร์ 100% หรือ แอลกอลฮอลบริสุทธิเท่านั้น

การตรวจสอบสายอ่อนเบรค

ควรตรวจสอบเป็นประจำสม่ำเสมอ ถ้าเห็นว่ามีอาการบวม บิดคดเสียรูป ปลอกหุ้มภายนอกฉีกขาด หรือมีการเสียดสี ควรรีบเปลี่ยนทันที เพราะอาจจะเกิดการแตกได้ง่ายๆ

การล้างและเปลี่ยนชุดซ่อมเบรค

เบรคที่ได้รับการใช้งานอยู่เป็นประจำ ควรได้รับการเปลี่ยนชุดซ่อม จำพวกลูกยางแม่ปั้มเบรค ลูกยางลูกสูบเบรค และยางกันฝุ่น อย่างน้อย 2 – 4 ปีครั้ง หรือถ้ามีมีการลุยน้ำ ต้องรีบตรวจเช็คทันที เพระลูกยางกันฝุ่นที่เก่าหมดสภาพ จะไม่สามารถกันน้ำและฝุ่นได้ น้ำที่ซึมผ่านเข้าไปในกระบอกเบรค และแม่ปั้มเบรค จะทำลายลูกสูบเบรคให้เกิดสนิม เป็นตามด ในกระบอกเบรค ทำให้เกิดอาการเบรคติด หรือน้ำมันเบรครั่วซึม